Intel ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ Core Ultra Series 200 (รุ่นที่ 2) ที่มุ่งเน้นการประมวลผล AI บนอุปกรณ์พกพา ด้วยการปรับปรุงหน่วย NPU (Neural Processing Unit) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สถาปัตยกรรมและประสิทธิภาพ

• กระบวนการผลิต: ใช้เทคโนโลยี Intel 18A (1.8nm) ที่พัฒนาขึ้นเอง
• สถาปัตยกรรม: Lunar Lake รุ่นที่ 2 ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงาน AI
• NPU รุ่นใหม่: หน่วยประมวลผล AI ในตัวที่ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นแรก (45 TOPS vs 18 TOPS)
• แกนประมวลผล: แกน P-core (Performance) และ E-core (Efficiency) รุ่นใหม่ล่าสุด
• หน่วยประมวลผลกราฟิก: Xe2-HPG รุ่นใหม่ รองรับ ray tracing และ AI upscaling

รุ่นที่เปิดตัว

Intel เปิดตัวโปรเซสเซอร์ Core Ultra Series 200 หลายรุ่น:

1. Core Ultra 9 285H: 6 P-cores + 10 E-cores, NPU 45 TOPS, ความเร็วสูงสุด 5.2GHz
2. Core Ultra 7 265H: 6 P-cores + 8 E-cores, NPU 40 TOPS, ความเร็วสูงสุด 5.0GHz
3. Core Ultra 5 235H: 4 P-cores + 8 E-cores, NPU 35 TOPS, ความเร็วสูงสุด 4.8GHz
4. Core Ultra 3 205U: 2 P-cores + 6 E-cores, NPU 30 TOPS, ความเร็วสูงสุด 4.5GHz

การใช้พลังงานและประสิทธิภาพ

• การใช้พลังงาน: ลดลง 40% เมื่อเทียบกับรุ่นแรก
• ความร้อน: ลดลง 35% ด้วยการออกแบบใหม่และวัสดุระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง
• อายุแบตเตอรี่: สามารถใช้งานได้นานขึ้นถึง 30% ในการใช้งานทั่วไป

เทคโนโลยี AI บนอุปกรณ์

• Intel AI Boost 2.0: เทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพให้กับงาน AI บนอุปกรณ์
• Intel Gaussian ISP: หน่วยประมวลผลภาพที่ใช้ AI ในการปรับปรุงคุณภาพภาพจากกล้องเว็บแคม
• Intel Adaptive Audio: ระบบเสียงที่ใช้ AI ปรับแต่งตามสภาพแวดล้อม
• งานที่รองรับ: เหมาะสำหรับงานตัดต่อภาพและวิดีโอ, แปลภาษา, สรุปเอกสาร และ AI อัจฉริยะอื่นๆ ที่ทำงานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับคลาวด์

การรองรับซอฟต์แวร์

• OneAPI 2025: ชุดเครื่องมือพัฒนาที่อัปเดตใหม่สำหรับนักพัฒนา
• Intel AI Engine: ช่วยให้แอปพลิเคชันต่างๆ เข้าถึง NPU ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• Compatible Apps: รองรับแอปยอดนิยมเช่น Adobe Creative Suite, Microsoft 365, DaVinci Resolve และอื่นๆ กว่า 350 แอป

ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์

• OEM Partners: HP, Dell, Lenovo, ASUS, MSI และแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ จะเริ่มนำโปรเซสเซอร์นี้ไปใช้ในโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ในเดือนมิถุนายน 2025
• Software Ecosystem: ความร่วมมือกับนักพัฒนาซอฟต์แวร์มากกว่า 100 รายเพื่อปรับแต่งแอปพลิเคชันให้ใช้ประโยชน์จาก NPU ได้เต็มที่